Main Menu

Recent posts

#1


สิ้นสุดการอคอย สำหรับ TOYOTA YARIS Smart 2023 ซึ่งเป็นรุ่นย่อยของ TOYOTA YARIS ปี 2023 ด้วยราคาที่ไม่สูงจนเกินไป และขึ้นชื่อในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนที่ชื่นชอบอีโค่คาร์เสมอ แม้ว่าราคาจะไม่ได้แพงมาก แต่ของที่รถให้มา ต้องบอกว่าจัดเต็มเลยทีเดียว วันนี้เราจึงอยากพาทุกท่านมาดูรายละเอียดของ TOYOTA YARIS Smart 2023 กันก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจของทุกท่าน

ขุมกำลังของ TOYOTA YARIS Smart 2023
TOYOTA YARIS Smart 2023 เป็นรุ่นที่พัฒนาเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
•   ใช้เครื่องยนต์แบบ 3NR-FKE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-iE
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1197 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 92 แรงม้า ที่/ 6,000 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 109 / 4,400 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตร/ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
TOYOTA YARIS Smart 2023 มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมด้วย LED Light Guiding พร้อมกับ LED Light Guiding และที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบหน่วงเวลา และปรับตั้งเวลาได้ เสาอากาศแบบครีบฉลาม กระจกกันลมด้านหน้าเป็นแบบกันเสียงรบกวน ทำให้ห้องโดยสารเงียบ กระจังด้านหน้าสีดำ และตกแต่งด้วยแถบโครเมี่ยม เพิ่มความหรูหราขึ้นไปอีกระบบ กันชกด้านหลังดรไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์

ดีไซน์ภายใน
TOYOTA YARIS Smart 2023 ได้เบาะนั่งภายในทำจากวัสดุหนังสังเคราะห์ สีภายในห้องโดยสารใช้เป็นสีโทน ดำ พวงมาลัยเป็นระบบไฟฟ้า EPS หุ้มด้วยหนังพิเศษ คอนโซลรถเป็นสีน้ำเงินเข้มเมทัลลิก การควบคุมกระจกในรถระบบไฟฟ้าทั้งหมด มีกระจกแต่งหน้าที่แผงบังแดดคู่หน้า มีไฟในห้องโดยสาร มีราวมือจับทุกจุดรวม 4 ตำแหน่ง แผงประตูมีการหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ มีกระเป๋าเบาะหลังตรงฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
หน้าจอของ TOYOTA YARIS Smart 2023 ได้เครื่องเสียงในตัวรถเป็นแบบ เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมตัวกับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ รองรับระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth เพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ และยังรองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง พร้อมระบบโทรออกด้วยเสียง มีช่องเสียบ USB ด้านหน้า และช่องต่ออุปกรณ์ไฟ 12 โวลต์ มีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารอัตโนมัติ
ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA YARIS Smart 2023
สำหรับ TOYOTA YARIS Smart 2023 ได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารในรถมากขึ้น ด้วยการเพิ่มถุงลมนิรภัย 4 จุดคือ คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ มีกล้องมองภาพขณะที่รถถอยหลัง เพิ่มความปลอดภัย มีระบบไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน ไฟดเบรกแบบ LED

ราคา
TOYOTA YARIS Smart 2023 Smart 2023 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 619,000 บาท

เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ขายดีของ TOYOTA YARIS ยิ่งการใช้งานในเมือง รถรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะประหยัดน้ำมัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น และปัญหาจุกจิกของรุ่นนี้ไม่ค่อยมีด้วย ราคาแค่นี้ ยังไงก็คุ้มเกินคุ้ม
#2

NISSAN NAVARA CALIBRE DC Calibre E 6MT เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่คนรอคอยเยอะที่สุด เพราะตั้งแต่ได้เห็นจากงานเปิดตัว ก็เป็นที่ฮือฮากันใหญ่ เพราะว่ารูปลักษณ์ของนิสสันตัวใหม่นี้ ทำออกมาได้น่าขับ และดูดุดันกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก เรื่องความแข็งแกร่ง สมรรถนะ เรื่องนี้การันตีได้อยู่แล้ว ที่สำคัญมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกเพียบเลย เราลองมาดูกันว่ารุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
•    เครื่องยนต์ YS23DDT เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบคู่แปรผัน (VGS)
•    ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 2,298 CC
•    กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 163 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
•    แรงบิด 403 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/รอบต่อนาที
•    ระบบเกียร์ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
•    รองรับการใช้น้ำมัน ดีเซล, B7, B10, B20
•    ความจุของถังน้ำมัน 80 ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ต และดุดันไว้พร้อมกัน รุ่นนี้มาพร้อมมกับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED โดยเป็นระบบการส่องสว่างอัตโนมัติ มาพร้อมกับระบบ Follow-Me-Home, ไฟส่องสว่างตอนกลางวัน Daytime Running Lights, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว, ระบบการเปิด-ปิดไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, ล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว, สปอยด์เลอร์หลัง มาพร้อมกับบันไดข้างแบบแต่ง

ดีไซน์ภายใน
ด้านในห้องโดยสารตกแต่งด้วยแนว Piano Black ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่เรียบง่าย, มาพร้อมกับพวงมาลัยที่สามารถปรับสูงต่ำและเข้าออกได้, ปลั๊กไฟขนาด 12 โวลต์, กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ, อุปกรณ์มาตรวัดภายใน แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ 3 มิติ,เบาะนั่งสามารถปรับสูง-ต่ำได้

เทคโนโลยีและความปลอดภัย
NISSAN NAVARA CALIBRE DC Calibre E 6MT ให้ระบบความปลอดภัยมาแบบจัดเต็มสุดๆ เช่น คานเหล็กเสริมนิรภัย เพิ่มความแข็งแรง, กุญแจนิรภัย, ตัวช่วยในการควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ, ไฟเบรกดวงที่สามเป็นแบบ LED ให้ความคมชัดมากขึ้น, เพิ่มหลอดไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน, กล้องอัจฉริยะที่มองได้รอบทิศทาง, ระบบช่วยในการออกตัว เมื่อจอดบนที่ลาดชัน หรือว่าออกตัวบนที่ลาดชัน, ระบบการเบรกแบบ ABS และระบบช่วยในการกระจายแรงเบรก, ระบบช่องป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบป้องกันการขโมย พร้อมกุญแจแบบนิรภัย, กล้องบันทึกวิดีโออัตโนมัติ, กระจกนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่, ระบบช่วยในการควบคุมการทรงตัว, ตัวถังแบบนิรภัย

ราคาจำหน่าย 849,000 บาท
เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ต้องบอกว่าคุ้มค่าสุดๆ กับ NISSAN NAVARA CALIBRE DC Calibre E 6MT รุ่นนี้ ราคาไม่ถึงล้าน ได้สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกเพียบ คงตัดสินใจได้ไม่ยาก ที่สำคัญรถกระบะของนิสสัน ใช้งานได้นาน และไม่ค่อยไม่ปัญหากวนใจบ่อย ทุกคนที่เคยใช้มาก่อน ต่างก็ให้การยอมรับในเรื่องนี้ทุกคน
#3

พึ่งเปิดตัวกันไปสดๆร้อนๆสำหรับ Toyota Yaris CROSS รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา โดยในการเปิดตัวได้สร้างความว้าวให้กับแฟนๆของรถรุ่นนี้กันไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับรุ่นใหม่นี้จะมีอะไรเด็ดๆบ้างนั้น จะพาไปเจาะลึกกันให้ถึงใจ

-    มีการขยายตัวถังรถที่มากขึ้น
Toyota Yaris CROSS ตัวใหม่นี้ได้มีการขยายตัวถังรถที่มากขึ้นในการเอาใจแฟนๆโดยเฉพาะชาวเอเชียเลยทีเดียว เพื่อเน้นสร้างฐานกลุ่มแฟนๆหน้าใหม่มากขึ้น ซึ่งรายละเอียดของรถมีดังนี้ มีความยาวตัวถังรถคือ 4,310 มม. ความกว้าง 1,770 มม. ความสูง 1,615 มม. ความยาวฐานล้อ 2,620 มม. ที่ขนาดต้องบอกว่าเกือบเท่า C-SUV กันเลยในจุดๆนี้ คุ้มค่าโดนใจจริงๆ

-    มี 2 ระบบทั้ง ไฮบริด หรือ เบนซิน ให้เลือกครบ
Toyota Yaris CROSS 2023 เป็นรถในกลุ่ม B-SUV และนี่เป็นครั้งแรกที่ค่ายโตโยต้ามีการติดตั้งเครื่องยนต์ในระบบไฮบริด 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์อยู่ที่ 67 kW หรือ 91 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 59 kW หรือ 129 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบลิเธียม&ไอออน

ส่วนในระบบเบนซินนั้น เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 78 kW หรือ 118 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร โดยเป็นเกียร์อัตโนมัติเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น

-    จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย
เทคโนโลยีบอกได้เลยว่าจัดเต็มสมกับรถในปี 2023 อย่างที่สุด เมื่อมีข้อมูลของ Toyota Yaris CROSS ออกมาว่า รถได้ใช้แพล็ตฟอร์ม DNGA หรือ Daihatsu New Global Architecture ที่ทำให้รถมีการพัฒนาต่อเนื่องได้ดี, มีหลังคากระจก Panoramic Glass Roof ติดตั้งมาพร้อม, มีม่านกรองแสงไฟฟ้า Power Sunshade, มีประตูท้ายระบบไฟฟ้าพร้อม Kick Sensor, เบาะนั่งไฟฟ้า และยังมีออฟชั่นสุดว้าวโดนใจมากมายทั้งภายนอกและภายใน จัดหนักจัดเต็มแบบนี้ คุ้มค่ามากกว่าที่รุ่นนี้เคยมีมา

-    ราคาไม่ได้สูง สามารถจับต้องได้สบายกระเป๋า
กำหนดเปิดขายในบ้านเราคือ 5 ตุลาคม 2023 นี้ แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการออกมา แต่คาดกันว่าจะไม่ได้สูงจนเกินเอื้อม เป็นราคาสบายกระเป๋า โดยจะเริ่มต้นกันในประเทศไทยประมาณอยู่ระหว่าง 999,000 - 1,254,000 บาท หรือมีโอกาสจะเห็นกันที่ 800,000 บาทได้เหมือนกัน ส่วนในรุ่น TOP สุด จะอยู่ประมาณ 1,000,000 ขึ้นไปแน่นอน

ยี่ห้อโตโยต้า คือรถที่อยู่กับคนไทยเรามานานหลายปี และรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดขายเร็วๆนี้อย่าง Toyota Yaris CROSS 2023 ก็มั่นใจว่าจะทำออกมาดีโดนใจทุกๆคนเหมือนเคย
#4

Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 3.0 Ddi M A/T อีกหนึ่งรุ่นที่ขายดีที่สุดของทางค่าย เพราะต้องยอมรับว่ารุ่นนี้มาแรงมาก เห็นแค่หน้าตาก็น่าขับขนาดนี้ จนทำให้หลายคนอดใจไม่ไหว ยิ่งพอได้มาดูสมรรถนะของรถด้วย ยิ่งทำให้หลายคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เป็นรถที่ตอบโจทย์ได้ดีสุดๆ ทุกการใช้งาน จะบรรทุก หรือเดินทาง ก็ไม่มีปัญหา

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
•   ในรุ่น Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 3.0 Ddi M A/T มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 4JJ3-TCX, 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์
•   ขนาดเครื่องยนต์ 2,999 CC
•   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
•   แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที
•   ระบบเกียร์ เกียร์ออโต้ 6AT
•   รองรับน้ำมัน ดีเซล, ไบโอดีเซล B5, ไบโอดีเซล B20

ดีไซน์ภายนอก
Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 3.0 Ddi M A/T มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED PROJECTOR Bi-Beam ที่มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกด้านหน้าเป็นแบบ LEDทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้นและไกลขึ้น มีไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED ไฟท้ายแบบ LED ที่ปัดน้ำฝนเป็นแบบอัตโนมัติ กระจกมองข้างมีระบบที่ช่วยในการไล่ฝ้าอัตโนมัติ

ดีไซน์ภายใน
ด้านในมีการตกแต่งด้วยหนังและหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ โอบกระชับมากขึ้น, มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบายความร้อน ไม่มีความร้อนสะสม, พวงมาลัยสามารถปรับสูง-ต่ำ, และปรับระยะเข้า-ออกได้ ตามสรีระผู้ขับ กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสง, หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว คมชัดระดับ HD, จอมาตรวัดแบบ Smart MID ขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลได้ครบถ้วน และโดดเด่นชัดเจน, ระบบควบคุมอุณหภูมิแยกซ้ายขวา หรูหรามีระดับ มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

เทคโนโลยีและความปลอดภัย

ใน Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 3.0 Ddi M A/T รุ่นนี้มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่คอยตรวจจับเส้นถนน และวัตถุด้านหน้าได้อย่างแม่นยำแบบ Real Time, ระบบช่วยเหลือในการเข้าจอดในที่แคบ, พร้อมเซ็นเซอร์ 8 จุด, ระบบเตือนในจุดอับสายตา, ระบบเตือนขณะถอยหลัง, ระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน, ระบบเบรกแบบ ABS, ระบบช่วยกระจายแรก EBD, และระบบเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว, ระบบช่วยออกตัวเมื่ออยู่ในที่ลาดชันและควบคุมความเร็วในที่ลาดชัน,กุญแจแบบอัจฉริยะ มาพร้อมฟังก์ชันสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยกุญแจรีโมท เมื่ออยู่ในระยะ 20 เมตร

ราคาจำหน่าย 1,109,000 บาท
ไม่ว่าคุณต้องการใช้งานรูปแบบไหน จะบรรทุกของหนัก ใช้เดินทางไกล Isuzu D-MAX Hi-Lander 4-Door 3.0 Ddi M A/T ก็ตอบโจทย์การใช้งานของท่านได้เสมอ จนทำให้มียอดขายถล่มทลายตั้งแต่เปิดตัว ด้วยความคุ้มค่าของราคา ให้ของที่ให้ติดรถมาแบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก
#5

การชิงรางวัลบัลลงดอร์ 2023 เป็นอีกปีที่มีความดุเดือด เมื่อต่างมีนักเตะที่โชว์ผลงานตลอดทั้งฤดูกาล 2022-2023 ได้อย่างยอดเยี่ยมหลายคน และล่าสุดพึ่งมีการประกาศผู้เข้าชิง 30 คนสุดท้ายออกมาแบบสดๆร้อนๆในวันที่ 7 กันยายน 2023 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ไร้ชื่อของ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ สุดยอดซูปเปอร์สตาร์ แต่ยังคงมีชื่อของ ลิโอเนล เมสซี่ อยู่เช่นเคย แล้วเขายังเป็นตัวเต็งกับรางวัลในปีนี้ จากผลงานโดดเด่นพาทีมชาติอาเจนติน่าคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองนั่นเอง

   สำหรับบทความนี้จะมาเจาะลึกกันถึงรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักฟุตบอลนี้ว่า ใครกันแน่คือคนที่คว้ารางวัลนี้ได้มากที่สุดใน 10 อันดับแรก โดยรางวัลบัลลงดอร์ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1956 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เป็นรางวัลที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามอง เป็นรางวัลการันตีให้กับนักเตะที่สุดยอดที่สุดในโลกของช่วงปีนั้นๆ โดยนักเตะที่ได้รางวัลมากที่สุดมีดังต่อไปนี้

TOP 10 นักเตะคว้าบัลลงดอร์มากที่สุดตลอดกาล


10. 2 สมัย - มีนักเตะที่เคยได้ 2 สมัยเท่ากันอยู่ 5 คน ได้แก่
คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้  ได้ในปี 1980 กับ 1981
เควิน คีแกน ได้ในปี 1978 กับ 1979
อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ได้ในปี 1957 กับ 1959
โรนัลโด้ (บราซิล) ได้ในปี 1997 กับ 2002
ฟรานซ์ เบคเค่นบาวเออร์ ได้ในปี 1972 กับ 1976
5. 3 สมัย - มีนักเตะที่เคยได้ 3 สมัยเท่ากันอยู่ 3 คน ได้แก่
มิเชล พลาตินี่ ได้ในปี 1983, 1984 และ 1985
โยฮัน ครัฟฟ์ ได้ในปี 1971, 1973 และ 1974
มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น ได้ในปี 1988, 1989 และ 1992
2. 5 สมัย - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ในปี 2008, 2013, 2014, 2016 และ 2017
1. 7 สมัย - ลิโอเนล เมสซี่  ได้ในปี 2009, 2010, 2011, 2012, 2015, 2019 และ 2021


การคว้าได้มากถึง 7 สมัยของ เมสซี่ ถือว่าเป็นผลงานที่สุดยอดมากๆของกองหน้าจอมเทคนิคคนนี้ และว่ากันว่าคงจะยากมากถึงมากที่สุดที่จะหานักเตะสักคนมาทำลายลงได้ในอนาคต เพราะนี่คือนักเตะระดับปรากฏการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ และเขาคนนี้ยังถูกยกจากหลายๆสื่อว่าเป็นสุดยอดนักเตะตลอดกาลไปแล้วด้วย

เกร็ดเล็กน้อยบัลลงดอร์ – นักเตะที่ได้รางวัลนี้ไปครองก็คือ Stanley Matthews ตำนานนักเตะของทีม แบล็คพูลและทีมชาติอังกฤษ โดยขึ้นคว้ารางวัลได้ในปี 1956 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการแจกรางวัลสุดยิ่งใหญ่นี้
#6

อาชีพนักกีฬาเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ทำเงินทำรายได้ให้ตัวนักกีฬาเองได้สูงมากๆ ยิ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ รายได้ก็จะยิ่งเยอะตามไปด้วย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทำได้ทุกคน เพราะนักกีฬาจะต้องมีระเบียบที่เคร่งครัดกว่าคนปกติทั่วไปสูงมาก มีความอดทน ความรักต่ออาชีพจริงๆ ส่วนบทความนี้จะมาเสนอถึง 10 นักกีฬาที่มีรายได้ต่อปีมากที่สุดในโลกของยุคปัจจุบันปี 2023 ว่าเป็นใครกันบ้าง แล้วมีรายได้มากขนาดไหน


TOP 10 นักกีฬาที่มีรายรับต่อไปมากที่สุดในโลกปี 2023

10. เควิน ดูแรนท์ (Kevin Durant) 
เขาคนนี้คือซูปเปอร์สตาร์ของวงการบาสเกตบอลอีกคนหนึ่ง มีรายได้รวมต่อปีที่ 89.1 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นรายได้จากกีฬา 44 ล้านเหรียญ นอกจากนั้นมาจากค่าสปอนเซอร์และอื่นๆ

9. โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ (Roger Federer)
นักเทนนิสที่ยืนอยู่ระดับท็อปของโลกมานานหลายปี ความสามารถโดดเด่นไม่มีตกแม้ว่าปัจจุบันจะเข้าสู่วัย 40 ปีแล้วก็ตาม รายได้ต่อปีของเขาคือ 95.1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรายได้ทั้งหมดแทบจะมาจากงานอื่นที่ไม่ใช่กีฬา

8. สตีเฟน เคอร์รี่ (Stephen Curry)
1 ในนักบาสตัวท็อปของโลกอีกคน ความเก่งกาจคือของแท้แน่นอน รายได้รวมต่อปีคือ 100.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

7. ฟิล มิคเคลสัน (Phil Mickelson)
กอล์ฟ เป็นอีกกีฬาที่สามารถทำเงินมหาศาลให้กับนักกีฬาได้เยอะมากๆ ซึ่ง ฟิล มิคเคลสัน มีรายได้รวมต่อปีคือ 106 ล้านเหรียญสหรัฐ

6. ดัสติน จอห์นสัน (Dustin Johnson)
อีกหนึ่งนักกีฬากอล์ฟที่มีฝีไม้ลายไม้โดดเด่นในช่วง 1-2 ปีหลัง จนเข้าสู่ 10 อันดับแรกของโลกในปี 2023 พร้อมกับรายได้ที่พุ่งทะยานมากถึง 107 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเลยทีเดียว

5. คาเนโล่ อัลวาเรซ (Canelo Alvarez)
ยอดนักมวยเม็กซิโกที่ขึ้นชกแต่ละครั้งทั่วโลกจะต้องจับตากับลีลาการชกสุดเร้าร้อน ด้วยฝีมือที่สุดยอดจึงมาพร้อมกับรายได้ถล่มทลาย มีรายได้รวมต่อปีคือ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ

4. เลบรอน เจมส์ (LeBron James)
เบอร์ 1 ของวงการบาสเกตบอล เลบรอน เจมส์ ความดังไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าสุดยอดที่สุดแล้ว ความเก่งกาจของเขาถูกยกให้อยู่ในทำเนียบตลอดกาลของ NBA ไปแล้ว มีรายได้ต่อปี 119.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

3. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappe)
ว่าที่นักฟุตบอลเบอร์ 1 ของโลกคนต่อไป ความสามารถโดดเด่นเป็นที่น่าจับตามองชนิดทีมไหนก็อยากได้ตัวไปครอบครอง มีรายได้ต่อปีที่ 120 ล้านเหรียญสหรัฐ

2. ลิโอเนล เมสซี่ (Lionel Messi)
สุดยอดที่สุดตลอดกาลที่โลกเคยรู้จักฟุตบอลมาคือเขาคนนี้ ที่ได้ก้าวผ่านยอดตำนานในอดีตไปหมดแล้ว เมสซี่ มีรายได้ต่อปีที่ 130 ล้านเหรียญสหรัฐ

1.   คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)
ชื่อนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะความดังของ CR7 สุดยอดที่สุดแล้วของนักกีฬายุคนี้ และมีรายได้ต่อปีที่ 136 ล้านเหรียญสหรัฐ
#7

ประวัติ โอลลี่ วัตกินส์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษของ แอสตัน วิลล่า
ทีมชาติ : อังกฤษ 7 นัด – 2 ประตู (2021-?)
สโมสรปัจจุบัน : แอสตัน วิลล่า 120 นัด – 46 ประตู (2020-?)


โอลลี่ วัตกินส์ เกิดวันที่ 30 ธันวาคม 1995 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร เอ็กเซเตอร์ (ลีกทู) แล้วได้รับสัญญาอาชีพในปี 2014 โดยในช่วงฤดูกาล 2013/14 กับ 2014/15 ได้ลงเล่นแค่ 4 นัดรวมทุกรายการ แล้วเริ่มได้รับโอกาสมากขึ้นในฤดูกาล 2015/16 ลงเล่น 22 นัดรวมทุกรายการ ยิง 9 ประตู จากนั้นในฤดูกาล 2016/17 กลายเป็นกำลังหลักของทีมอย่างเต็มตัว ลงเล่น 52 นัดรวมทุกรายการ ยิง 16 ประตู ซึ่งจากผลงานดังกล่าว ทำให้ เบรนท์ฟอร์ด (แชมป์เปียนชิพ) ซื้อตัวไปร่วมทีม

ฤดูกาล 2017/18 โอลลี่ วัตกินส์ ยึดตัวหลักของ เบรนท์ฟอร์ด ได้ทันที ยืนเป็นแนวรุกตัวหลักร่วมกับ นีล โมเปย์ และ ฟลอเรียน โจเซฟซูน ลงเล่น 48 นัดรวมทุกรายการ ยิง 11 ประตู จากนั้นยิงอีก 12 ประตูจาก 45 นัดรวมทุกรายการ ในฤดูกาล 2018/19 แล้วมาระเบิดฟอร์มเก่งในฤดูกาล 2019/20 ด้วยการยิง 26 ประตู จาก 50 นัดรวมทุกรายการ แต่ไม่เพียงพอต่อการพาทีมเลื่อนชั้น (จบที่ 3 เดอะ แชมป์เปียนชิพ)

อย่างไรก็ตาม โอลลี วัตกินส์ ได้เลื่อนชั้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก 2020/21 จนได้ เมื่อทาง แอสตัน วิลล่า วางเงิน 33 ล้านปอนด์ ซื้อตัวมาร่วมทีม เปิดตัวนัดแรกวันที่ 21 กันยายน 2020 ด้วยการยืนเป็นหน้าเป้า (90 นาที) ขนาบข้างด้วย แจ็ค กรีลิซ และ มาห์มูด เทรเซเก้ ช่วยให้ทีมเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 จากนั้นในวันที่ 4 ตุลาคม 2020 (พรีเมียร์ลีก นัดที่ 4) วัตกินส์ยิงคนเดียว 3 ประตู ช่วยให้สิงห์ผยอง ไลถล่ม ลิเวอร์พูล 7-2 จบฤดูกาลนั้น วัตกินส์ลงเล่น 40 นัดรวมทุกรายการ ยิง 16 จ่าย 5 แอสซิสต์

ฤดูกาล 2021/22 โอลลี วัตกินส์ ยืนเป็นแนวรุกตัวหลักของ แอสตัน วิลล่า ร่วมกับ จอห์น แม็คกินส์ และ จาค็อบ แรมซีย์ ยิงได้ 11 ประตูจาก 36 นัดรวมทุกรายการ เป็นดาวซัลโวของสโมสร 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แล้วในฤดูกาล 2022/23 วัตกินส์ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง แม้จะออกสตาร์ท 20 นัดแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยการยิงแค่ 3 ประตู แต่จากนั้นยิง 14 ประตูจาก 18 นัด พาทีมจบที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) โอลลี่ วัตกินส์ ยังอยู่กับ แอสตัน วิลล่า เปิดหัวพรีเมียร์ลีก 3 นัด ยิงยังไม่ได้ แต่มี 2 แอสซิสต์ ในเกมแพ้ นิวคาสเซิล 1-5 และเกมชนะ เบิร์นลีย์ 3-1 อย่างไรก็ตาม วัตกินส์เปิดหัวฟุตบอล ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ลีก 2023/24 ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิง 3 ประตูใส่ ฮิเบอร์เนี่ยน ช่วยให้ทีมเอาชนะ 5-0

#8

ผู้รักษาประตูของที่ได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือฉกาจ เป็นที่น่าจับตามอง และทำฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นก็ต้องเป็น เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ชายคนนี้แหละ ที่ทำให้เชลซีพัฒนาขึ้นมาได้ จนไปสู่การได้แชมป์ยุโรป มาดูว่าเขามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง

ชื่อเต็ม เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า
วันเกิด 3 ตุลาคม 2537
สถานที่เกิด ออนดาร์โรอา ประเทศ สเปน
ส่วนสูง 1.89 ม. (6 ฟุต 2 นิ้ว)
ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า

เกป้า เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็ก และเพียงอายุได้ 10 ขวบเท่านั้น เขาก็ได้เล่นให้กับสโมสร แอทเลติก บิลเบา ในฐานทีมเยาวชน และก็พัฒนา อัพฝีมือของตัวเองให้ดีอยู่ตลอด หลังจากนั้นในปี 2555 เกป้า ก็เริ่มได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ แล้วเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน หลังจากนั้นทาง แอธเลติก บิลเบา ก็ประกาศว่าตัวของ เกป้า ได้ทำการฉีกสัญญาแล้ว ด้วยการจ่ายเงินไม่น้อยกว่า 71 ล้านปอนด์ ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวแพงมากที่สุด โดยย้ายไปอยู่กับสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี
 
ภายหลังจากที่ได้มาอยู่กับเชลซี เกป้า ก็ยังเป็นตัวสำรองอยู่ เพราะว่ามี ทีโบต์ กูร์กตัว เป็นตัวจริง แต่หลังจากที่ กูรก์ตัว ได้ย้ายไปอยู่กับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ทำให้ตัวของ เกป้า ขึ้นมาเป็นตัวจริงในที่สุด เมื่อได้โอกาสเป็นตัวจริง เกป้า ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยเกมแรกเขาก็สามารถป้องกันการเสียประตูได้ และที่น่าสนใจกว่านั้น เขายังเก็บคลีนชีตได้มากถึง 12 นัดติดต่อกัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สูงมาก สุดท้ายในฤดูกาลปี 2562 ทีมเชลซีก็ได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ EFL Cup

ในช่วงที่ เกป้า อยู่ในการควบคุมของ แฟรงก์ แลมพาร์ด ทีม เชลซี ยังไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ และยังไมได้ถ้วยแชมป์ติดมือซักถ้วย แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เชลซี ก็สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรป มาครองได้ ซึ่งตัวของ เกป้า เอง ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอล และได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย จากผลง่านอันยอดเยี่ยมในครั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นผู้รักษาประตูที่อายุยังน้อย แต่ก็สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด และมีความรวดเร็วที่เป็นเลิศด้วย

ผลงานส่วนตัวและผลงานกับเชลซี

•   ยูฟ่ายูโรปาลีก ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล: 2018–19
•   นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือน : ตุลาคม 2022
•   พรีเมียร์ลีก เซฟออฟเดอะซีซั่น : 2022–23
•   ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก : 2020–21
•   ยูฟ่ายูโรปาลีก : 2018–19
•   ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ : 2021
•   ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2021
#9

ประวัติ เพอร์วิส เอสตูปิยาน แบ็คซ้ายทีมชาติเอกวาดอร์ของ ไบรท์ตัน
•   ทีมชาติเอกวาดอร์ 35 นัด | 4 ประตู
•   สโมสรปัจจุบัน ไบรท์ตั้น 43 นัด | 2 ประตู
เพอร์วิส เอสตูปิยาน เกิดวันที่ 21 มกราคม 1998 ที่ประเทศเอกวาดอร์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสร LDU Quito ช่วงปี 2011-2014 แล้วได้รับสัญญาอาชีพกับทีมในปี 2015 อยู่กับทีมได้เกือบ 2 ปี ลงเล่น 45 นัด ก็ถูก วัตฟอร์ด ซึ่งขณะนั้นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ดึงตัวไปร่วมทีม ในฤดูกาล 2016/17 แต่ตลอด 4 ฤดูกาลที่อยู่กับ วัตฟอร์ด เอสตูปิยาน ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมสักนัด
โดยถูกส่งตัวไปให้ กรานาด้า (2016/17) อัลเมเรีย (2017/18) มาญอร์ก้า (2018/19) และ โอซาซูน่า (2019/20) ยืมตัวไปใช้งานตามลำดับ แล้วภายหลังได้เก็บเลเวลกับทีมในสเปนอยู่ 4 ปี ก็ถูก บีญาร์เรอัล ดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2020 ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 7 ปี
ฤดูกาล 2020/21 เพอร์วิส เอสตูปิยาน ได้ลงสนามให้ บีญาร์เรอัล 32 นัดรวมทุกรายการ อยู่ส่วนร่วมกับเกม ยูโรป้าลีก 4 จาก 15 นัด พลาดการลงเล่นตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการดวลจุดโทษ 12-11
ฤดูกาล 2021/22 เอสตูปิยาน ยังเป็นแกนหลักของ บีญาร์เรอัล ถูกสลับใช้งานกับ อัลฟอนโซ่ เปดราซ่า ตามความเหมาะสม ได้ลงสนาม 41 นัดรวมทุกรายการ ยิง 2 ประตู แล้วได้ลงเล่น ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก 10 จาก 12 นัด รวมถึง 2 นัดในรอบรองชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล (แพ้ 0-2 และ แพ้ 2-3) จอดป้ายแค่รอบนั้น

16 สิงหาคม 2022 เพอร์วิส เอสตูปิยาน ย้ายไปอยู่กับ ไบรท์ตั้น ด้วยสัญญา 5 ปี แล้วกลายเป็นตัวหลักของทีมในทันที เปิดตัวในฤดูกาล 2022/23 ด้วยการเป็นสำรอง จากนั้นยึดตัวหลักอย่างถาวร ลงสนาม 41 นัดรวมทุกรายการ ยิง 1 ประตู มีส่วนสำคัญในการพาทีมจบอันดับ 6 ได้ตั๋วไปเล่น ยูโรป้าลีก

ฤดูกาล 2023/24 เอสตูปิยาน ยังเป็นแกนหลักของ ไบรท์ตั้น เหมือนเดิม ผ่านไป 2 นัด มี 1 สกอร์ พ่วงด้วย 2 แอสซิสต์ พาทีมเก็บ 6 คะแนนเต็ม ยืนจ่าฝูงร่วมกับ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ในส่วนของการเล่นทีมชาติ เพอร์วิส เอสตูปิยาน เปิดตัวกับ ทีมชาติเอกวาดอร์ วันที่ 13 ตุลาคม 2019 ขณะที่เขาอายุ 21 ปี ในเกมที่แพ้ อาร์เจนติน่า 1-6 (กระชับมิตร) จากนั้นได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง เป็นตัวหลักในฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ยิง 1 ประตูในเกมชนะ โคลัมเบีย 6-1 และอีก 1 ประตูในเกมชนะ ชิลี 2-0 คว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในรอบแบ่งกลุ่มกับ กาตาร์ (ชนะ 2-0) เนเธอร์แลนด์ (เสมอ 1-1) และ เซเนกัล (แพ้ 1-2)
ข้อมูลนับถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2023
#10

บางแสน จังหวัดชลบุรี เป็นทะเลที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพมากที่สุด จึงมักเป็นตัวเลือกแรกๆ ของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ แม้ว่าจะเป็นทะเลที่อยู่ใกล้กับเมืองใกล้กรุงเทพ แต่เรื่องของความสวยงาม หรือว่าธรรมชาติต่างๆ ก็ไม่ได้ดูแย่เลย ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวก็คงไม่หลงเสน่ห์ จนกลับมาเที่ยวอีกหลายๆ ครั้ง เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพก็สั้นมาก แค่ประมาณ 1 ชั่วโมง คุณก็จะได้เห็นทะเล และได้พักผ่อนแล้ว ถ้าท่านใดกำลังวางแผนอย่างจะไปเที่ยวทะเลอยู่ แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกไปไหน มาที่บางแสนนี่แหละ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด วันนี้เราเลยรวมข้อมูลดีๆ มาฝากทุกท่านด้วย

บางแสนมีอะไรน่าสนใจบ้าง

เป้าหมายหลักของการเดินทางมาเที่ยวที่บางแสน ก็คือการได้มาชมวิว ได้มาพักผ่อนนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่นริมหาด หรือการนั่งเปลสบายๆ จากนั้นก็นั่งทานอาหารกิน และที่บางแสนก็มีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะเลย โดยเฉพาะอาหารซีฟู้ดทั้งหลาย ราคาของอาหารก็ไม่ถือว่าแพงเท่าไหร่ และที่เท่าที่อยากแนะนำให้ทุกท่านไปลองก็คือ

• หาดวอนนภา  เป็นหาดที่อยู่ติดกับบางแสนเลย มีความสวยงามทีเดียว เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการนั่งชิว โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน จะมีนักท่องเที่ยวมานั่งเล่นริมหาดเยอะเลย เพราะอากาศสบายกว่า
• หาดบางแสน เป็นจุดแรกที่ทุกคนต้องมา ที่นี่จะมีร้านอาหารให้เลือกเยอะ และมีเปลผ้าใบตลอดที่ริมหาด หรือถ้าจะเดินเล่นริมหาดก็ดีไม่น้อยเลย ยิ่งเป็นช่วงเช้ากับช่วงเย็น จะมีคนมาที่ริมหาดค่อนข้างเยอะ
• ของฝากที่หนองมน ก่อนจะกลับบ้านกลับไปทำงาน สิ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การซื้อของฝากที่ตลาดหนองมน มีของอร่อยๆ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นข้าวหลามหนองมน ซึ่งขึ้นชื่อระดับประเทศเลย
• ชมวิวอ่างเก็บน้ำ หลังจากที่เที่ยวจนหมดแล้ว อยากให้ทุกท่านแวะมาเที่ยวที่อ่างเก็บน้ำบางพระ เป็นอีกหนึ่งจุดที่วิวสวยมาก มีนักท่องเที่ยวมานั่งเล่น แล้วก็ออกกำลังกายเยอะเลย แวะมาถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่ก่อนก็ดีไม่น้อย
การเดินทาง
ท่านสามารถเดินทางมาเที่ยวบางแสนได้หลายวิธี ทั้งการขับรถยนต์มาเอง จับมอเตอร์ไซค์ รวมถึงการนั่งรถตู้โดยสาร ใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น

ค่าบริการในการเข้าชม: ฟรี

ที่พักบางแสน
บริเวณริมหาดบางแสน มีที่พักให้เลือกเยอะเลย รวมทั้งบ้านเช่าด้วย ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน ใครชอบบ้านแบบไหน ก็เลือกชมเลือกดูก่อนได้ หรือจะมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ก็ได้เช่นกัน เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นานเท่าไหร่

สถานที่ตั้งของ บางแสน
ตั้งอยู่ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี